Routine เกมไซไฟสยองขวัญสุดหลอน ที่พาคุณติดอยู่บนดวงจันทร์แบบไร้ทางกลับบ้าน

Browse By

ในบรรดาเกมไซไฟสยองขวัญยุคใหม่ มีไม่กี่เกมที่สร้างชื่อด้วย “ความเงียบ” มากกว่า “ความโหด” และ Routine เกมไซไฟสยองขวัญสุดหลอน ที่พาคุณติดอยู่บนดวงจันทร์แบบไร้ทางกลับบ้าน คือหนึ่งในนั้น เกมที่ทำให้คนเล่นหวาดระแวงทุกประตู ทุกเงา และทุกเสียงที่ดังจากปล่องระบายอากาศแบบไม่ตั้งใจ

ความรู้สึกตอนเริ่มเกม Routine นั้นคล้ายกับวินาทีที่คุณเปิดดูสิ่งสำคัญบนหน้าเว็บ ทางเข้า UFABET ล่าสุด แล้วหัวใจเต้นตุบ ๆ เพราะรู้ว่า “นี่แหละ…จะเริ่มแล้วจริง ๆ” เป็นความตื่นเต้น + ความลุ้น + ความไม่แน่ใจ ที่ทำให้เกมนี้มีเสน่ห์แบบไม่เหมือนใคร

Routine ไม่ได้พยายามทำให้คุณตกใจด้วยเสียงดัง ๆ
แต่มันพยายามทำให้คุณ “ไม่ไว้ใจความเงียบอีกต่อไป” ต่างหาก


❖ Routine คือเกมอะไร? และทำไมถึงกลายเป็นตำนานแห่งเกมหลอนไซไฟตั้งแต่ยังไม่ออกเต็ม ๆ?

Routine คือเกมแนว Sci-Fi Psychological Horror + Immersive Exploration ตั้งอยู่ในสถานีบนดวงจันทร์ที่สร้างด้วยสไตล์ “อนาคตในยุค 1980” หรือ Retro-futuristic แบบที่หลายคนหลงรัก

ภาพรวมคือ:

  • คุณเดินทางไปสำรวจสถานีลูน่า
  • ค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกเรือ
  • เผชิญกับบางสิ่งที่ไม่ควรมีชีวิต
  • และเอาตัวรอดออกมาจากเขาวงกตเหล็กเงียบสนิทนี้ให้ได้

จุดที่ทำให้ Routine ดังเป็นกระแสตั้งแต่วันแรกคือ โทนเกมที่โคตรจะไซไฟแบบยุคเก่า
หน้าจอ CRT
ไฟส้ม ๆ ละมุน
อุปกรณ์อวกาศแบบหัวโตยุค 80
และหุ่นยนต์ที่ “เหมือนจะมาช่วย แต่ทำไมเหมือนกำลังจะฆ่าเรามากกว่า?”

โทนนี้เหมือนการเอาภาพยนตร์อย่าง Alien + 2001: A Space Odyssey มาผสมกับความวังเวงของสถานีร้างแบบ Dead Space แต่ตัดเลือดกระจายออกไป แล้วแทนที่ด้วย “ความเงียบที่น่ากลัวกว่าเสียงกรีดร้อง”


❖ บรรยากาศแบบ “อวกาศที่ไม่มีใครช่วยได้” คือจุดแข็งของ Routine อย่างแท้จริง

ความหลอนของเกมไม่ใช่ผี
ไม่ใช่ปีศาจ
แต่คือ “ความเหงาระดับจักรวาล”

ใน Routine คุณจะได้:

  • เดินผ่านห้องวิจัยที่ไฟติด ๆ ดับ ๆ
  • ส่องไฟฉายลงไปในอุโมงค์ที่ไม่มีทางรู้ว่าลึกแค่ไหน
  • มองเงาของบางอย่างที่วิ่งผ่านกำแพง
  • หรือได้ยินเสียงโลหะดังแกร็ก ทั้งที่อยู่คนเดียว

ความเงียบในเกมนี้มี “น้ำหนัก” มาก
เหมือนหายใจลึก ๆ ก็รู้สึกกลัวว่าจะมีอะไรโผล่ออกมาจากมุมมืด

บางครั้ง Routine ไม่ต้องใส่อะไรในฉากเลย
แค่เสียงหายใจของตัวละครในหมวกอวกาศ ก็ทำให้คนเล่นนั่งตัวแข็งได้แล้ว

นี่แหละคือความละเอียดในการออกแบบบรรยากาศระดับสูงสุด


❖ ศัตรูใน Routine: ไม่มีเสียง ไม่มีเมตตา และไม่มีคำว่า “เดินช้า ๆ ให้คุณทัน”

ต้องบอกเลยว่า Routine ไม่ได้ใช้มอนสเตอร์แบบกรี๊ดกร๊าด แต่ใช้ “หุ่นยนต์” เป็นศัตรูหลัก
ซึ่งคือความน่ากลัวในแบบที่คนไม่ชินเลยสักนิด

หุ่นยนต์ของสถานีนี้มีลักษณะดังนี้:

  • เดินเงียบ แต่เร็วกว่าเรา
  • ไม่มีอารมณ์
  • ไม่มีเสียงคำรามเตือน
  • ไม่มีความลังเล
  • มองเห็นในความมืดได้
  • เป้าหมายเดียวคือ “หยุดคุณ”

ความน่ากลัวคือมันเดินเหมือนคนจริง ๆ แต่ดันมีความผิดจังหวะบางอย่าง
ไม่ลื่นเกินและไม่กระตุกเกิน
เป็นความแปลกที่ทำให้สมองไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

หุ่นตัวหนึ่งอาจแค่ยืนเฉย ๆ ดูคุณจากมุมห้อง
อีกตัวอาจเดินเข้ามาเงียบ ๆ ด้านหลังเหมือนเพื่อนที่อยากแกล้ง
แต่ต่างกันตรงที่…มันแกล้งแรง และคุณมีโอกาสตายสูงมาก ✨


❖ อุปกรณ์ที่ใช้เอาตัวรอด: คุณไม่ได้มีปืน…คุณมี “เครื่องมือ”

Routine ออกแบบให้ผู้เล่นไม่ได้เป็นนักล่า แต่เป็น “คนธรรมดาที่ต้องเอาตัวรอด”
ดังนั้นอาวุธของคุณจึงไม่ใช่ปืนใหญ่ หรือเลเซอร์ขั้นเทพ

แต่คือ:

  • เครื่องสแกน
  • เครื่องกระตุ้นไฟ
  • อุปกรณ์ช๊อต
  • และบางครั้ง…แค่ไฟฉาย

ใช่ครับ ไฟฉายคือเพื่อนแท้ที่สุด
แต่ก็เป็นเพื่อนที่แบตหมดไวมาก (เหมือนโทรศัพท์ตอนเล่นโซเชียลเพลิน ๆ)

การไม่มีปืนทำให้ Routine เป็นเกมที่ “ต้องวางแผน” มากกว่า “ต้องยิง”
ใครที่ชอบเดินบู๊ล้างผลาญจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่าง
แต่ใครที่ชอบความกดดันแบบเงียบ ๆ จะฟินมาก

ช่วงบางฉากคุณต้องย่องผ่านกล้องวงจรปิด
บางฉากต้องหลอกหุ่นให้เดินไปผิดทาง
บางฉากต้องดับไฟเพื่อไม่ให้มันเห็นคุณ

ความรู้สึกเหมือนกำลังเล่นซ่อนแอบกับของที่ “ไม่ควรมีชีวิตมาตั้งแต่แรก”


❖ เสียงในเกม: ตัวเอกจริง ๆ ของ Routine

ถ้าต้องยก MVP ของเกมนี้ให้ใครสักอย่าง
คือต้องยกให้ “ระบบเสียง” อย่างไม่ต้องสงสัย

เสียงทุกอย่างใน Routine ถูกออกแบบมาให้:

  • ชัด
  • หนัก
  • ลึก
  • และทำให้คนเล่นหวาดกลัวไปทั้งกระดูก

ตัวอย่างเช่น:

  • เสียงโลหะเคลื่อนไหวในระยะไกล
  • เสียงระบบอากาศที่แผ่วเหมือนคนหายใจ
  • เสียงฝีเท้าหุ่นที่เหมือนกำลังลากขาเหล็ก
  • เสียงเครื่องจักรที่ขัดกันเป็นจังหวะแปลก ๆ
  • เสียงประกาศระบบที่ใช้โทน “สบายดีมั้ยนะ?” ทั้งที่สถานีแทบพัง

คุณสามารถเดาได้เลยว่าเกมนี้ต้องเล่นด้วยหูฟังเท่านั้น
และถ้าเล่นกลางคืนไฟมืด ๆ คือโคตรอิน

มากกว่าหนังสยองหลายเรื่องด้วยซ้ำ


❖ การเดินสำรวจใน Routine: ช้า ๆ แต่ชัวร์ ๆ แต่ก็เสียว ๆ

จุดสำคัญของเกมคือ “การเดิน”
Routine ไม่มีการวิ่งเร็ว ๆ เหมือนเกมแอ็กชัน
ทุกจังหวะการเคลื่อนไหวมีน้ำหนัก มีความหมาย

คุณจะต้อง:

  • เปิดประตูช้า ๆ
  • ส่องไฟฉายก่อนเข้า
  • ฟังเสียงรอบตัว
  • หยุดดูมุมห้อง
  • ก้มลงเช็คใต้โต๊ะ
  • และคอยมองหลังเสมอ

เกมทำให้คุณรู้สึกว่า “เราไม่ควรรีบ”
แต่ก็รู้สึกว่า “ถ้าไม่รีบก็อาจตายได้”

เป็นการกดดันแบบ 50/50 ที่ทำให้ทุกก้าวน่ากลัวมาก

นี่คือจุดที่ Routine ชนะเกมสยองขวัญตัวอื่นอย่างขาดลอย


❖ จุดเด่นที่ทำให้ Routine ไม่ใช่แค่เกมหลอน แต่เป็น “ประสบการณ์อวกาศที่จิตมาก”

หลายเกมสยองขวัญเน้นแต่จะแกล้งผู้เล่น
แต่ Routine เน้น “สร้างสภาพแวดล้อมให้ผู้เล่นกลัวเอง”

จุดเด่นคือ:

✔ ความเงียบที่ไม่น่าไว้วางใจ

Routine ไม่ใช้ดนตรีหลอกล่อ
ไม่ใช้เสียงตุ้งแช่
แต่ใช้บรรยากาศกดดันล้วน ๆ

✔ ความเป็นไซไฟยุค 80 ที่โคตรเท่

Retro-futurism ในเกมนี้ดีจนอยากได้โปสเตอร์ติดห้อง
ทั้งเครื่องจักร หน้าจอ CRT และหุ่นยนต์ดีไซน์เก่า ๆ

✔ การเล่าเรื่องผ่านสิ่งของ ไม่ใช่ผ่านคน

คุณจะเห็น:

  • โน้ต
  • วิดีโอ
  • ห้องวิจัย
  • ระบบไฟฟ้าพัง ๆ

ทั้งหมดประกอบกันให้คุณ “เดาเรื่องเอง”
เหมือนนักสืบ
หรือเหมือนนักวิเคราะห์เกมก่อนตัดสินใจในเว็บ สมัคร UFABET
ที่ต้องใช้ทั้งสัญชาตญาณและข้อมูลประกอบกัน

✔ ไม่มี HUD บดบังหน้าจอ

คุณเห็นแค่ “สิ่งที่ตัวละครเห็น” เท่านั้น
เพิ่มความสมจริงแบบสุด


❖ ทำไม Routine ถึงดึงดูดผู้เล่นที่ชอบเกมบรรยากาศหลอนเงียบ ๆ มากกว่าเกมแบบไล่ฆ่า?

เพราะ Routine คือเกมสำหรับคนที่ชอบความกลัวแบบ “ละเอียด”
ไม่ใช่ความกลัวแบบตะโกนดัง ๆ ใส่หน้า

เกมนี้ทำให้คุณกลัวเพราะ:

  • ไม่รู้ว่าศัตรูอยู่ไหน
  • ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร
  • ไม่รู้ว่ามุมไหนปลอดภัย
  • ไม่รู้ว่าหุ่นจะทำอะไรต่อไป
  • ไม่รู้ว่าห้องถัดไปมีอะไรซ่อนอยู่

หลังจากเล่นไปสักพัก
คุณจะเริ่มส่องไฟฉายไปทุกทิศก่อนเดิน
เหมือนคนที่หวาดระแวงในชีวิตจริงไปชั่วขณะ

และนั่นคือความสำเร็จของเกมนี้


❖ เหตุผลที่หลายคนบอกว่า Routine คือ “Alien Isolation เวอร์ชันกะทัดรัดแต่เข้มข้น”

เพราะ:

  • เน้นความกดดัน
  • เน้นการซ่อนตัว
  • เน้นศัตรูที่ฉลาดเกินคาด
  • เน้นความเงียบ
  • เน้นสภาพแวดล้อมที่บอกเรื่องราวเอง

แต่ Routine ไม่ได้ใช้สัตว์ประหลาด
ใช้ “หุ่นยนต์” แทน ซึ่งกลายเป็นความหลอนแบบใหม่ที่ทั้งสดและทั้งเข้ม

และความหลอนแบบนี้…มันลามเข้าหัวช้า ๆ
แต่ทิ้งรอยประทับนานกว่าเสียงตุ้งแช่เยอะมาก


❖ ความรู้สึกหลังเล่น: ทั้งหลอน ทั้งเหงา ทั้งสวย และทั้งลึกแบบคาดไม่ถึง

Routine ไม่ใช่เกมสำหรับคนใจบาง
และไม่ใช่เกมสำหรับคนหาบทแอ็กชันระเบิดภูเขาเผากระท่อม

มันคือเกมที่เหมาะกับคนที่:

  • ชอบความโดดเดี่ยวในเกม
  • ชอบใช้หัวคิดแก้ปริศนา
  • ชอบเดินสำรวจ
  • ชอบบรรยากาศไซไฟจริงจัง
  • ชอบความเงียบที่พูดอะไรบางอย่างกับเรา

หลายจังหวะในเกมจะทำให้คุณนั่งนิ่ง
ฟังเสียงลมหายใจในหมวก
แล้วคิดว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับสถานีนี้กันแน่?”

Routine ทำให้คุณอยากรู้เรื่องราวมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว

และความลุ้นนี้ก็คล้ายจังหวะเลือกเส้นทางสำคัญ ๆ บนเว็บอย่าง ยูฟ่าเบท ที่ต้องใช้ทั้งความกล้า การตัดสินใจ และสัญชาตญาณในการก้าวต่อไป


สรุป: Routine คือเกมไซไฟสยองขวัญที่ใช้ “ความเงียบ” ทำงานหนักที่สุด และทำได้ดีที่สุด

ท้ายที่สุดแล้ว
Routine เกมไซไฟสยองขวัญสุดหลอนที่พาคุณติดอยู่บนดวงจันทร์แบบไร้ทางกลับบ้าน
คือหนึ่งในเกมที่สร้างความกลัวแบบเฉพาะตัวที่สุดในยุคใหม่
มันไม่วิ่งไล่คุณ
มันไม่ใส่เสียงดังใส่คุณ
มันไม่กระโดดออกมาจากข้างจอ

แต่มัน “เดินมาหาคุณแบบช้า ๆ และเงียบที่สุดเท่าที่ AI หุ่นยนต์จะทำได้”
และปล่อยให้ความกลัวก่อตัวเองในหัวของคุณ

Routine จึงไม่ใช่แค่เกม
แต่มันคือ “ประสบการณ์” สำหรับสายไซไฟและสยองขวัญที่ต้องลองด้วยตัวเองจริง ๆ

และความรู้สึกตอนจบเกม Routine นั้น…
เหมือนเรากำลังกดปิดไฟ แล้วได้ยินเสียงบางอย่างอยู่ข้างหลัง
หรือเหมือนจังหวะวัดใจตอนต้องตัดสินผลสำคัญในเว็บอย่าง ยูฟ่าเบท
ที่หัวใจเต้นแรงโดยที่มือยังไม่ทันขยับ

Routine คือเกมที่ทำให้ความเงียบมีเสียง
และทำให้ผู้เล่นจดจำมันไปอีกนานอย่างแน่นอน 🌑🔧🤖